การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกลิ่นหอมอโรมาของกาแฟนั้น ได้อยู่คู่กับวิถีชีวิตของผู้คนมากมายจนกลายเป็นวัฒนธรรมที่แผ่กระจายไปทั่วโลก แม้วงการกาแฟจะมีการพัฒนาในด้านต่างๆ แต่ด้วยความโดดเด่นของรสสัมผัสจากเทคนิคการดริป ก็ทำให้กาแฟดริป กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยกาแฟดริปหรือ Pour Over Coffee นั้นกลายเป็นไอคอนของร้านกาแฟแบบ Third Wave Coffee ที่ผุดขึ้นมาทั่วโลก ซึ่งรวมไปถึงเมืองไทยด้วยเช่นกัน ที่สำคัญด้วยความเรียบง่ายและความสะดวกของกาแฟดริป ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับความสุขได้ด้วยฝีมือตัวเอง แต่รู้ไหมว่าการสกัดกาแฟดริปให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดจะต้องใส่ใจและลงรายละเอียดพอสมควร ดังนั้นการดริปกาแฟจึงเปรียบเสมือนวิถีชีวิตที่เรียบง่าย แต่ก็มีความลึกหลากหลายมิติอยู่ภายใน ซึ่งส่งผลให้กาแฟแต่ละแก้วมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง



กาแฟดริปคืออะไร
กาแฟดริปนั้นแท้จริงแล้วเรียกว่า Pour Over แต่คำว่ากาแฟดริปที่เราเรียกกันนั้นไปพ้องกับ Drip Coffee ซึ่งมีวิธีการสกัดที่แตกต่างกัน เพราะ Drip Coffee คือ การใช้เครื่องชงกาแฟไฟฟ้าที่ใช้เทคนิคการกลั่นเป็นหยดน้ำเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่จะเป็นการทำกาแฟในปริมาณที่ค่อนข้างมาก ดังที่จะเห็นจากร้านอาหารแบบ Diner ที่เรามักจะเห็นในภาพยนตร์อเมริกัน แม้ว่าจะเรียกไม่เหมือนกันแต่ ‘กาแฟดริป’ ที่บ้านเรานิยมนั้นก็คือ การชงกาแฟด้วยเทคนิคแบบ Pour Over ซึ่งเป็นการชงด้วยการใช้น้ำร้อนค่อยๆ รินไหลผ่านกาแฟคั่วบด โดยผู้ชงจะต้องควบคุมปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความหยาบของเมล็ดกาแฟ อุณหภูมิของน้ำ อัตราส่วนของน้ำและกาแฟ รวมไปถึงเทคนิคการรินน้ำให้ไหลผ่านกาแฟ ซึ่งขั้นตอนที่ละเมียดละไมเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถสกัดกาแฟที่ดีที่สุดออกมาได้

ความเป็นมาของ Pour Over Coffee หรือกาแฟดริป
แม้ว่าการชงกาแฟ Pour Over หรือกาแฟดริปนั้นเคยสูญเสียความนิยมไปช่วงหนึ่ง แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ผู้คนต่างโหยหาความเรียบง่ายในการใช้ชีวิต ดังนั้นการชงกาแฟที่เรียบง่ายแต่ให้รสสัมผัสที่ซับซ้อนอย่างกาแฟดริปจึงกลับมาอีกครั้ง จุดเริ่มต้นนั้นต้องย้อนไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน โดยต้นกำเนิดของกาแฟแบบ Pour Over นั้นเกิดขึ้นที่เมือง Dresden โดย Melitta Bentz แม่บ้านชาวเยอรมันได้เริ่มวันใหม่ด้วยการชงกาแฟตามแนวทางของเธอเอง ซึ่ง Melitta ได้ใช้วิธีเจาะรูที่ก้นหม้อทองเหลือง และวางกระดาษซับมันจากสมุดบันทึกของลูกชายเธอไว้ จากนั้นก็เติมกาแฟบดลงบนกระดาษ แล้วค่อยๆ เทน้ำลงไป ด้วยวิธีนี้จึงเป็นที่มาของกระดาษกรองกาแฟหรือฟิลเตอร์ของบริษัท Melitta และถือเป็นจุดกำเนิดของกาแฟดริบด้วยเช่นกัน


ความแตกต่างของกาแฟดริปและกาแฟแบบอื่นๆ
การชงกาแฟดริปนั้นจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะการชงกาแฟดริปนั้นค่อนข้างมีรายละเอียดและอาศัยความพิถีพิถันพอสมควร แต่ความง่ายก็คือ ใครๆ ก็สามารถชงกาแฟดริปเองได้ โดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาสูงมากนัก ที่สำคัญความแตกต่างในเรื่องของกลิ่นอโรมาและรสชาติที่ได้รับนั้นค่อนข้างเด่นชัด เพราะกาแฟดริปจะให้รสชาติที่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับวิธีการชงแบบอื่น ๆ ดังนั้นหากอยากลิ้มรสเมล็ดกาแฟแบบ Single Origin หรือ Specialty Coffee ให้อร่อยที่สุด แนะนำให้ลองใช้การดริปกาแฟเข้ามาช่วยในการดึงความหอมและรสสัมผัสที่ต่างชนิดกัน

วิธีการชงกาแฟดริป
- เตรียมอุปกรณ์ เริ่มต้นด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ โดยใช้อุปกรณ์หลักอย่างกระดาษกรอง ดริปเปอร์ และโถใส่กาแฟ ซึ่งมีตัวเลือกอย่างมากมาย ที่สำคัญการดีไซน์เครื่องชงแบบกาแฟดริปในปัจจุบันนั้นล้ำหน้าไปไกล ส่งผลให้ได้กาแฟสกัดที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
- อัตราส่วนน้ำและกาแฟ อัตราส่วนของน้ำและกาแฟที่เหมาะสมจะช่วยในการดึงรสชาติ เพราะถ้าหากใส่น้ำมากไปรสชาติก็อาจจะเจือจางได้ ดังนั้นปริมาณที่เหมาะสมคือ การใช้น้ำ 15 - 17 กรัม ต่อกาแฟ 1 กรัม (อัตราส่วน 1:16 ถึง 1:14)
- เตรียมน้ำสะอาด ควรใช้น้ำที่เดือดประมาณ 30 วินาที เพื่อการดึงรสชาติกาแฟออกมาให้ได้มากที่สุด โดยแนะนำให้ต้มน้ำให้ใกล้กับจุดเดือด ซึ่งควรมีอุณหภูมิประมาณ 95-96 องศาเซลเซียส สำหรับกาแฟคั่วอ่อนหรือคั่วกลาง ส่วนกาแฟคั่วเข้มนั้น อุณหภูมิควรจะต่ำกว่าประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส
- เตรียมกาแฟคั่วบด เรื่องของรสชาตินั้นเป็นความชอบส่วนบุคคล แต่หากพูดถึงกาแฟดริปแล้ว การคั่วแบบอ่อนจะช่วยให้ได้รสชาติของกาแฟที่แท้จริงมากที่สุด ส่วนการบดนั้นแนะนำการบดแบบหยาบปานกลาง แต่อย่าลืมว่าการชงกาแฟดริปนั้นเป็น Art and Science ดังนั้นการทดลองการบดในรูปแบบต่างๆ กับเมล็ดกาแฟต่างชนิดกันจะช่วยให้คุณค้นพบกาแฟที่ชอบได้ง่ายมากขึ้น
- ดื่มด่ำกับการดริป นำกาแฟบดใส่ในฟิลเตอร์ แล้วค่อยๆ เทน้ำร้อนที่ต้มเอาไว้ให้ไหลผ่านตัวกาแฟ โดยเริ่มเทจากตรงกึ่งกลาง รอให้น้ำกาแฟสกัดค่อยๆ ไหลรินลงไปข้างล่าง จับเวลาที่ประมาณ 30 วินาที จากนั้นค่อยเติมน้ำเพิ่มอีกครั้ง
ข้อควรรู้ ปกติแล้วเวลาในการดริปที่ดีจะอยู่ราวๆ 2.5 - 3 นาทีสำหรับกาแฟคั่วเข้ม และ 3 - 4 นาทีสำหรับกาแฟคั่วระดับกลางถึงอ่อน นอกจากนี้หากรู้สึกว่ากาแฟที่สกัดมีรสชาติอ่อนไป อาจจะเกิดจากการบดกาแฟที่หยาบเกินไป ดังนั้นลองบดให้ละเอียดขึ้นในครั้งต่อไป
Reference:
The Science of the Pour Over Coffee Method
https://www.thedailymeal.com/drink/story-pour-over-coffee-began-germany-1908
Everything you need to know to brew great pour over coffee
วิธีการชง กาแฟดริป สำหรับผู้เริ่มต้น (How to Drip Coffee) – Beans Here
https://www.seriouseats.com/make-better-pourover-coffee-how-pourover-works-temperature-timing